ไตรกลีเซอไรด์สูง

ไตรกลีเซอไรด์สูง รักษาได้ แต่ปล่อยไว้อันตรายอาจตามมา

หากร่างกายต้องประสบกับ ไตรกลีเซอไรด์สูง ต่อเนื่องยาวนาน อาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อร่างกายได้เลย เช่น ไขมันเกาะผนังหลอดเลือด เลือดไม่พอเลี้ยงหัวใจ สมอง และอาจเป็นโรคตับได้ เป็นต้น แต่ค่าไตรกลีเซอไรด์ที่พุ่งสูงทะลุเพดานนั้น ก็ใช่ว่ามันจะลดลงไม่ได้ หากดูแลร่างกายอย่างถูกต้อง  ไตรกลีเซอไรด์สูง คือ ไตรกลีเซอไรด์สูงที่หลาย ๆ คนกำลังเผชิญอยู่นั้น คือ ภาวะที่ร่างกายของเรามีระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดที่สุงกว่าปกติที่ควรจะเป็น ซึ่งเจ้าไตรกลีเซอไรด์นั้น เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่ร่างกายของเราสังเคราะห์ขึ้นเองได้ และมาจากการกินอาหารบางประเภทเข้าไป เช่น น้ำมัน เนย หรืออาหารพวกไขมันต่าง ๆ  สาเหตุหลัก ไตรกลีเซอไรด์สูง

ไขมันพอกตับ สัญญาณเตือน โรคตับแข็ง และมะเร็งตับ หากไม่รีบรักษา

เคยสงสัยไหมว่า ทั้ง ๆ ที่อัตราคนคนป่วยโรคไวรัสตับอักเสบน้อยลงเรื่อย ๆ แล้วทำไมตัวเลขของผู้ป่วยโรคตับแข็ง และมะเร็งตับกลับไม่ได้ลดลงตามไปด้วยเลย  คำตอบนั่นก็เป็นเพราะโรคที่มีชื่อเห่ย ๆ ไม่น่าจดจำ อย่าง ไขมันพอกตับ นั่นเอง ที่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุให้เกิดโรคร้ายอย่างตับแข็งและมะเร็งตับตามมา กลุ่มเสี่ยงต่อโรคไขมันพอกตับ คนที่ดื่มสุรา แอกอฮอล์เป็นประจำ คนที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ โรคอ้วน คนที่มีปัญหาโรคเบาหวาน คนที่มีระดับน้ำตาลสูงเกิน 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร และไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงเกิน 150 มิลลิกรัม/เดซิลิตร “ไขมันพอกตับ เป็นโรคที่เกิดจากการสะสมไขมันที่ตับ” เป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถนำไขมันที่เรารับประทานไปใช้ได้หมด จนสะสมเพิ่มพูนจนพอกอยู่ที่ตับของเรา มักเกิดจากพฤติกรรมการกินอาหารพวกแป้ง ไขมัน และน้ำตาลในปริมาณมากเกินไปติดต่อกัน  ซึ่งอาหารหลักทั้งของคาวและหวานของคนไทย นั้นก็มักจะมีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนผสมหลักอยู่...

น้ำตาลในเลือดสูง ปล่อยทิ้งไว้ ไขมันพอกตับอาจจะถามหา

จริงอยู่ที่ระดับ น้ำตาลในเลือดสูงสามารถบ่งบอกถึงโรคเบาหวานได้ แต่อีกนัยหนึ่งก็ยังอาจบอกได้ว่าตับคุณกำลังมีปัญหาจาก โรคไขมันพอกตับ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ควบคุมระดับน้ำตาลอาจทำให้ตับได้รับความเสียหาย จนถึงขั้นเป็นอันตรายร้ายแรงได้เลย ไขมันพอกตับสัมพันธ์กับเบาหวาน โรคไขมันพอกตับและโรคเบาหวาน หรือผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันโดนตรง กล่าวคือ ผู้ที่เป็นเบาหวานนั้น มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นไขมันพอกตับร่วมด้วย และผู้ที่เป็นไขมันพอกตับ ก็มีโอกาสที่โรคเบาหวานจะมาเยี่ยมเยียนคุณได้สูงเช่นกัน นั่นเป็นเพราะ ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าปกติ จากโรคเบาหวานทำให้ตับที่มีหน้าที่สะสมพลังงานสำรองไว้มาก โดยตับจะเปลี่ยนจากน้ำตาลกลูโคส มาเก็บไว้ในรูปของไกลโคเจน และไตรกลีเซอร์ไรด์(ไขมัน) และทำการสะสมไว้ แต่หากว่าไขมันเหล่านี้ถูกกักเก็บมากเกินไป ก็อาจนำไปสู่ โรคไขมันพอกตับได้ในไม่ช้า หรือกล่าวคือ หากมีปริมาณน้ำตาลส่วนเกินในร่างกายมากเกินความต้องการ ตับจะนำไปสร้างเป็นไขมันและเก็บไว้นั่นเอง อาการไขมันพอกตับ จาก น้ำตาลในเลือดสูง
ไขมันพอกตับ

ไขมันพอกตับ สัญญาณเริ่มต้น มะเร็งตับ ต้องรีบรักษา

ไขมันพอกตับ หรือ ไขมันเกาะตับ เป็นโรคเรื้อรังที่ตัวอาการอาการของโรคไม่ได้ร้ายแรงอะไร หากแต่มันกลับเป็นโรคที่เป็นต้นตอของ ตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับ และที่สำคัญคนไทยกว่า 40% กำลังเป็นไขมันพอกตับอยู่ แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว ไขมันพอกตับ คือ   ขมันพอกตับเป็นภาวะที่เกิดจากการที่ตับดันไปเก็บสะสมไขมันไว้เยอะเกินไป โดยไขมันที่สะสมไว้นั้นจะอยู่ในรูปของไตรกลีเซอไรด์ มันจะแอบเบียดเสียดแทรกอยู่ที่เนื้อตับ  ซึ่งตับของเราทำหน้าที่ไม่ต่างกับกระปุกออมสิน ที่สะสมไขมันไว้เรื่อย ๆ และเมื่อใดก็ตามที่กระปุกเต็ม หรือ สะสมได้ไขมันไว้มากกว่า 5-10% ของน้ำหนักตับ จากแรกเริ่มเดิมทีมีสีน้ำตาลชมพู กลายร่างมาเป็นตับเหลืองขนาดโต ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของตับ และสร้างความเสียหายไปทั่วร่างกายได้เลย  ไขมันพอกตับ กระทบทั่วร่างกาย  เพราะตับทำหน้าที่เชื่อมโยงกับการทำงานหลายส่วนในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น การกำจัดสารพิษ การให้พลังงาน การย่อยอาหาร ภูมิคุ้มกันร่างกาย เป็นต้น...

ดูแลตับ ให้แข็งแรง เคล็บลับปรับพฤติกรรม และอาหารเสริม

หน้าที่หลัก ๆ ของตับ คือ เป็นป้อมปราบสารพิษที่แฝงตัวเข้ามาในร่างกาย ทำงานหนักติดต่อกัน 24 ชั่วโมง แบบไม่ได้หยุดหย่อนพักผ่อนแม้แต่นาทีเดียว เมื่อการทำงานหนักไปผสมร่วมกับพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไม่ ดูแลตับ ให้ดี อาจจะทำให้ตับมีปัญหาจากโรคตับต่าง ๆ  ส่งผลต่อหลายระบบในร่างกายได้ แต่สำหรับบางคนนั้นแม้จะไม่ได้เป็นโรคตับโดยตรง แต่ก็ใช่ว่าตับจะสดชื่นสมบูรณ์ 100%เพราะในแต่ละวัน เราต้องรับมลภาวะ รับสารอนุมูลอิสระเข้าไปตั้งเท่าไหร่ ทั้งจากฝุ่นละออง ทั้งจากอาหารที่กินเข้าไป ไหนจะสารพิษที่เข้าสู่ร่างกายทั้งทางตรงทางอ้อม เพราะฉะนั้นการดูแลตับจึงเป็นสิ่งที่ไม่ใช่เพียงผู้ป่วยตับมีปัญหาเท่านั้นที่ต้องดูแล แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะทำ โดยการ ดูแลตับ สามารถทำได้ 2 วิธี ดังนี้

ตับอักเสบ บาดเจ็บทุกระบบ สร้างผลกระทบทั่วร่างกาย

ตับอักเสบเป็นภาวะที่เกิดการอักเสบเจ็บขึ้นบริเวณตับ เกิดขึ้นได้ทั้งจากการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบ และเกิดได้จากพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดีต่อตับ ตับที่เกิดการอักเสบเกิดความเสียหายต่อหลาย ๆ ระบบในร่างกายตามมา อีกทั้งหากปล่อยปะละเลยไม่รีบรักษากอาการอักเสบที่ตับนี้มันอาจจะรุนแรงจนกลายเป็นตับแข็ง และมะเร็งตับได้ในท้ายที่สุด อาการ ตับอักเสบ ปกติแล้วอาการของตับอักเสบนั้นอาจไม่ได้โหดร้ายรุนแรงอะไรมากนัก โดยก็จะมี เช่น รู้สึกเหนื่อยง่ายหายช้า ปวดท้องแถบชายโครงขวา อาหารไม่ย่อย ท้องอืด เป็นไข้ ปวดข้อ เมื่อยตัว บางรายที่เป็นมากอาจมีภาวะดีซ่านตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะเข้มจัด...

ไขมันในเลือดสูง เสี่ยงเป็นโรคไขมันพอกตับ

ไขมันพอกตับคือ โรคที่มันไขมันเข้าไปแทรกซึมอยู่ในเซลล์ตับมากเกินปกติ หรือประมาณ 5-10% ของน้ำหนักตับ ส่งผลให้การทำงานของตับแย่ลง ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่สำคัญนั้นมาจาก การที่เรามี ไขมันในเลือดสูงติดต่อกันนานแล้วไม่ได้ควบคุมรักษานั่นเอง ตับ ต้องสะสมไขมันและนำ้ตาลที่มีมากเกินไป ไขมันในเลือดสูงอาจเกิดขึ้นจาก การที่เรากินอาหารประเภทไขมัน หรือแป้ง น้ำตาล เข้าไปมากเกินไป โดยตับเรามีหน้าที่ในการสะสมพลังงานที่เหลือใช้จากร่างกาย หากร่างกายของเราได้รับอาหารที่ไม่ดีเข้ามาก ๆ ตับจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงน้ำตาลกลูโคสที่เหลือจากการใช้งาน ให้อยู่ในรูปของไตรกลีเซอไรด์(ไขมัน) และไกลโคเจน ก่อนจะกักเก็บพอกพูนไว้ที่ตับ ดังนั้นเมื่อร่างกายเรามีระดับน้ำตาลในเลือดสูง มีระดับไขมันในเลือดสูง แปลว่าตับต้องนำน้ำตาล และไขมันส่วนเกินเหล่านี้เข้าไปเก็บไว้ที่ตับ จนอาจจะกลายมาเป็นไขมันพอกตับตามมาได้ เบาหวาน เสี่ยงมากกับ ไขมันพอกตับ จากข้อมูลที่กล่าวไป นั่นจึงเป็นเหตุให้คนที่ป่วยทุกข์ทรมารจากอาการเบาหวาน มีโอกาสที่จะต้องประสบกับไขมันพอกตับสูง เพราะว่า...

ไวรัสตับอักเสบบี แบบไหนติดต่อ แบบไหนหายห่วง

รู้หรือเปล่าว่า บนโลกใบนี้ มีผู้ที่เป็นพาหะของโรค ไวรัสตับอักเสบบีมากกว่า 350 ล้านคน ส่วนในประเทศไทยขวานทองของเรานั้นพบว่า มีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอยู่ที่ 6-7 ล้านคนเลยทีเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเดี๋ยวเราก็เห็นคนนู้นเป็น เดี๋ยวเราก็เห็นคนนี้เป็น ในเมื่ออัตราติดเชื้อมันช่างสูงลิบฟ้าเสียขนาดนี้ แล้วแท้ที่จริงไวรัสตับอักเสบบีนั้นอันตรายหรือเปล่า และแบบไหนที่เป็นแล้วติดต่อ แล้วแบบไหนหากเป็นแล้วหมดห่วง วันนี้เรามาไขคำตอบกัน  ไวรัสตับอักเสบบี คืออะไร ? ไวรัสตับอักเสบบีคือ การที่ตับดันไปได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี(HBV) เข้ามาในร่างกาย เมื่อไวรัสตัวน้อยนี้พยายามแทรกแทรงเข้ามาทำลายหาตับของเรา ตับที่น่ารักจะเกิดการอักสบขึ้นมาทันที  ซึ่งข่าวดีคือไวรัสตับอักเสบบีจะไม่ติดต่อทางลมหายใจ อาหารหรือน้ำดื่ม และการจูบกัน แต่จะติดต่อทางเลือดเท่านั้น (เว้นเสียแต่ว่าน้ำลายอาจจะไปสัมผัสกับเลือดที่อยู่ในปาก)
0แฟนคลับชอบ
0ผู้ติดตามติดตาม
0ผู้ติดตามติดตาม

คุณไม่ควรพลาด